mhanoii105

  รายงานผลฟุตบอล อาร์เจนติน่า ลีก้า 2023 เบลกราโน่ พบ ซาน ลอเรนโซ่ เกมที่สนาม El Gigante de Alberdi เบลกราโน่ เป็นฝ่ายขึงเกมบุกหนัก พร้อมโอกาสยิงจาก พาโบล เวเก็ตติ (2 ครั้ง) ลูคัส ดิอาร์เต้ (3 ครั้ง) ซานติอาโก้ ลองโก้ (1 ครั้ง) บรูโน่ ซาเปลลี่ (1 ครั้ง) แต่ยังใส่สกอร์ขึ้นนำไม่ได้ แล้วผ่านไปถึงนาที 31 กลับเป็น กอนซาโล่ มาโรนี่ ที่ยิงให้ ซาน ลอเรนโซ่ ขยับออกนำ 1-0 จากนั้นในนาที 51 ซิโร่ โรซาเน่ โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม ทำให้ ซาน ลอเรนโซ่ ต้องเหลือ 10 คน จากนั้น เบลกราโน่ ขึงเกมบุกต่อ พร้อมโอกาสยิงจาก ฟรังโก้ ยาร่า (2 ครั้ง) กับ บรูโน่ ซาเปลลี่ (1 ครั้ง) แต่ยังไม่ผ่านมือ ฟาคุนโด้ อัลตามิราโน่ ผ่าน 73 นาที พวกเขายังตามหลัง 1 สกอร์ จึงต้องปรับแผนด้วยการส่ง โทมัส คาสโตร กับ อิวาน ออร์ติโกซ่า ลงมาเติมเกมรุก แล้วเป็นฝ่ายบุกต่อ พร้อมโอกาสยิงจาก พาโบล เวเก็ตติ (3 ครั้ง) อิบราฮิม เวซาร์, บรูโน่ ซาเปลลี่ และ ยูลีส ซานเชส แต่ยังเอาชนะ ฟาคุนโด้ อัลตามิราโน่ ไม่ได้ ส่งผลให้ ซาน ลอเรนโซ่ เข้าวิน 1-0 ซาน ลอเรนโซ่ นั่งที่ 3 หลังผ่าน 25 นัด ซาน ลอเรนโซ่ เก็บเพิ่มเป็น 46 คะแนน (ชนะ 12 เสมอ 10 แพ้ 3) นั่งที

  แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ทำการส่ง ค็อบบี้ ไมนู กลับประเทศอังกฤษหลังจากที่ทางทีมได้ออกมายืนยันแล้วว่าเจ้าหนู ไมนู นักเตะของพวกเขาได้เกิดอาการเจ็บบริเวณข้อเท้าหลังจากที่พวกเขานั้นได้พลาดท่าแพ้ให้กับ เรอัล มาดริด ที่ได้ทำการแข่งขันที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และทางทีมได้ออกมาประกาศอีกว่า ตัวเขาต้องพลาดการลงสนามในช่วงแรกของซีซั่นหน้า แต่ก็ยังเป็นเรื่องดีที่เจ้าตัวยังมีกำลังใจที่ดีและยังกล่าวอีกด้วยว่าเขาจะกลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิมให้ได้หลังจากหายจากอาการบาดเจ็บ ค็อบบี้ ไมนู กองกลางดาวรุ่งของปีศาจแดง ได้เกิดอาการเจ็บที่บริเวณข้อเท้าและทางทีมก็คาดว่าตัวเขานั้นคงจะกลับมาไม่ทันช่วงออกสตาร์ทในฤดูกาล 2023/24 ของพรีเมียร์ลีก พี่กำลังจะเริ่มทำการแข่งขันเปิดฉากนัดแรกในวันศุกร์ที่ 11 สิงหาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งตัวเขาได้รับบาดเจ็บระหว่างเตรียมการอุ่นเครื่องที่ แมนยู ต้องดวลแข้งกับ เรอัล มาดริด ที่ประเทศสหรัฐฯ แต่ระหว่างเกมเริ่มต้นได้เพียงแค่ 6 นาทีเขาก็ต้องถูกเปลี่ยนออกและยังต้องใส่อุปกรณ์ป้องกันบริเวณฝ่าเท้าและข้อเท้าในระหว่างที่เขานั้นเดินออกจากสนาม แล้วตอนนี้ทางทีมได้ออกมาเผยแล้วว่าเจ้าหนูวัย 18 ปีคนนี้ได้

ลาลีก้า มีสองทีมใหญ่อย่าง เรอัล มาดริด กับ บาร์เซโลน่า ที่ผลัดกันขึ้นเป็นแชมป์ แล้วแต่ว่าช่วงนั้น เป็นขาขึ้นของทีมไหน และทั้งสองทีมก็ยิงประตูได้อย่างเป็นกอบเป็นกำในแต่ละฤดูกาล เรามาเช็คกันว่า ทีมไหนเป็นเจ้าของสถิติ ยิงประตูสูงสุดในลาลีก้า หากแยกเป็นแต่ละฤดูกาล 1 เรอัล มาดริด | 121 ประตู  ฤดูกาล 2011/12 เรอัล มาดริด เข้าป้ายคว้าแชมป์ลาลีก้า ด้วยการเก็บได้ 100 คะแนน (ชนะ 32 เสมอ 4 แพ้ 2) ทิ้งห่างที่ 2 บาร์เซโลน่า 9 คะแนน  ฤดูกาลดังกล่าว “ราชันชุดขาว” กดไป 121 ประตู มาจากการยิงของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 46 ประตู สบทบด้วย กอนซาโล่ อิกวาอิน 22 ประตู และ คาริม เบนเซม่า บวกอีก 21 ประตู 2 เรอัล มาดริด | 118 ประตู ฤดูกาล 2014/15 เรอัล มาดริด ได้เพียงแค่รองแชมป์ ตามหลังทีมแชมป์อย่าง บาร์เซโลน่า เพียงแค่ 2 คะแนน อย่างไรก็ตาม พวกเขายิงได้ถึง 118 ประตู มากกว่าทีมแชมป์ 8 ประตู มาจาก คริสเตียโน โรนัลโด้ 48 ประตู ซึ่ง CR7 ได้ดาวซัลโวในซีซั่นนี้ด้วย ขณะที่ คาริม เบนเซม่า ยิงช่วย 15 ประตู ส่วน แกเร็ธ เบล กับ เจมส์ โรดริเกวซ ยิงคนละ 13 ประตู 3 บาร์เซโลน่า | 116 ประตู ฤดูกาล 2016/17 บาร์เซโลน่า เข้าป้ายเป็น

  รายงานผลฟุตบอล บราซิล เซเรียอา 2023 โครินเธียนส์ พบ บรากันติโน่ เกมที่สนาม Neo Química Arena ผ่านไป 17 นาที เอริค รามิเรซ จ่ายให้ เอดูอาร์โด้ ซาช่า ใส่สกอร์ให้ บรากันติโน่ ขยับออกนำ 1-0 จากนั้นยังบุกต่อเนื่อง มาพร้อมโอกาสยิงจาก ธิอาโก้ บอร์บาส (2 ครั้ง) ลูคัส เอวานเกลิสต้า (2 ครั้ง) และ มาเธอุส แฟร์นานเดซ (1 ครั้ง) แต่ยังไม่ได้เพิ่ม แล้วจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 1-0 ครึ่งหลังนาที 46 โครินเธียนส์ แก้เกมด้วยการส่ง มาเธอุส อเราโญ่ กับ เกตาโน่ ลงมาแทน มายค่อน กับ มาเธอุส ไบดู ขณะเดียวกัน บรากันติโน่ ส่ง ซอร์ริโซ่ กับ กิลเยอร์เม่ ลงมาแทน ธิอาโก้ บอร์บาส กับ มาเธอุส แฟร์นานเดซ หลังปรับแผน ทั้งสองทีมผลัดกันครองบอล แต่หาจังหวะจบสกอร์แทบไม่ได้ ผ่านไป 66 นาที ได้ยิงกันแค่ฝั่งละ 1 หน ซึ่งยังเปลี่ยนเป็นประตูไม่ได้ โครินเธียนส์ ต้องปรับแผนอีกครั้ง โรนี่ กับ เฟลิเป้ อกุสโต้ ถูกส่งลงมาแทน กาเบรียล มอสการ์โด้ กับ ยูริ อัลแบร์โต้ หลังปรับแผน โครินเธียนส์ เป็นฝ่ายขึงเกมบุกเข้าใส่ พร้อมโอกาสยิงจาก รวน โอลิเวียร่า, เวสลีย์ กาสโนว่า, เฟลิเป้ อกุสโต้ และ โรเจอร์ กูเอเดส แต่เปลี่ยนเป็นประตูตีเสมอไม่ได้ ส่งผลใ

หากพูดถึงลีกซาอุดิอาระเบีย เมื่อ 2 ปีก่อน หลายคนคงจะไม่รู้จัก แต่หลังจากที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ย้ายเข้าสู่ชายคา อัล นาสเซอร์ ทำให้ลีกนี้กลายเป็นที่สนใจของคนทั่วโลก นอกจาก “CR7” ยังมีนักเตะชื่อดัง ย้ายมาเล่นในลีกนี้อย่างมากมาย เราไปเช็ครายชื่อกันเลย 1 คริสเตียโน โรนัลโด้ | อัล นาสเซอร์ ทุกคนทั่วโลกต่างก็รู้จัก คริสเตียโน โรนัลโด้ เป็นอย่างดี ไม่อยากบรรยายสรรพคุณมาก เอาเป็นว่าเขาเป็นเจ้าของ บัลลงดอร์ 5 สมัย เป็นรองเพียง ลีโอเนล เมสซี่ ก็เท่านั้นเอง 2 คาริม เบนเซม่า | อัล อิติฮัด คาริม เบนเซม่า ประสบความสำเร็จอย่างมากมายกับ เรอัล มาดริด แต่สุดท้ายก็ต้องแยกย้ายออกมาตามเส้นทางของนักฟุตบอลอาชีพ “คิงคาริม” เป็นเจ้าของบัลลงดอร์ 1 สมัย (2022) พ่วงด้วยแชมป์ยูฟ่า แชมป์เปียนส์ลีก 5 สมัย นั่นรวมถึงแชมป์ลาลีก้า (เรอัล มาดริด) 4 สมัย 3 เอ็นโกโล่ ก็องเต้ | อัล อิติฮัด เอ็นโกโล่ ก็องเต้ เคยถูกยกให้เป็นมิดฟิลด์ตัวรับที่เก่งที่สุดในโลกในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ในฤดูกาลที่ผ่านมา เขาถูกอาการบาดเจ็บเล่นงาน ทำให้ขาดการลงสนาม สมัยที่อยู่กับ เลสเตอร์ ซิตี้ เขาแบกทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก (2015/16) แบบช็อกโลก 4 รูเบน